เปิดข้อมูลบริษัทเบื้องหลังกิจการ SIRIVANNAVARI BANGKOK
ทุกครั้งที่ฤดูแฟชั่นวีคในยุโรปมาถึง คนไทยก็จะได้เห็นภาพของเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯทรงเฉิดฉายแต่สมถะ เข้าร่วมชมงานแฟชั่นของแบรนด์ดังๆในยุโรปร่วมกับประชาชนคนทั่วไปอย่างเรียบง่ายไม่ถือตัว ทำให้ SIRIVANNAVARI BANGKOK แบรนด์แฟชั่นส่วนพระองค์ขององค์หญิงฯเป็นที่สนใจขึ้นมาด้วย เพราะแม้ส่วนใหญ่จะเลือกใส่เสื้อจากแบรนด์แฟชั่นดังเพื่อเป็นการให้เกียรติเจ้าของงาน แต่หลายครั้งก็เลือกใส่เสื้อจากร้านของพระองค์เอง
ประเด็นหนึ่งที่มักเป็นที่พูดถึงก็คือร้าน SIRIVANNAVARI ประสบความสำเร็จทางธุรกิจแค่ไหน? อย่างไร? เพราะถึงแม้ตัวร้านจะเป็นกิจการส่วนพระองค์ แต่ก็หลายครั้งก็ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยภาครัฐด้วยเงินภาษีประชาชนมาโดยตลอด ประชาชนไทยจำนวนมากจึงเชียร์ให้ร้านที่มีสถานะเสมือน “แบรนด์แฟชั่นประจำชาติ” ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม
หลายปีก่อนเคยพยายามจะหาข้อมูลบริษัทเบื้องหลังร้าน SIRIVANNAVARI มาครั้งหนึ่ง แต่ก็พบปัญหาสำคัญคือ ไม่มีข้อมูลของนิติบุคคลที่จดทะเบียนพาณิชย์ที่ใช้ชื่อนี้ แสดงว่าตัวร้านดำเนินงานโดยเอกชนที่ใช้ชื่ออื่นซึ่งในตอนนั้นไม่สามารถหาข้อมูลได้ในตอนนั้น แต่ตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นมา จะพบบริษัทหนึ่งที่มักปรากฎชื่อในหน้าสื่อร่วมกับชื่อ SIRIVANNAVARI อยู่บ่อยๆ บริษัทนั้นมีชื่อว่า “บริษัท ไอริส 2005 จำกัด”
เข้าใจว่าจริงๆแล้วก็บริษัทเองไม่ได้ต้องการทำให้เป็นความลับ หรือ พยายามปิดบังชื่อบริษัทที่อยู่เบื้องหลังร้าน SIRIVANNAVARI อะไร ตรงกันข้ามด้วยซ้ำจากข้อมูลที่บริษัทเปิดเผยเอง ก็มักจะเผยอยู่กลายๆถึงความสัมพันธ์กับร้าน SIRIVANNAVARI ไม่นับว่าผู้บริหารบริษัทก็มักจะเป็นข่าวในงานแถลงข่าวของร้าน SIRIVANNAVARI ร่วมกับองค์หญิงอยู่เป็นประจำ
จึงน่าแปลกที่ไม่เคยมีสื่อมวลชนรายไหน นำเสนอข้อมูลทางธุรกิจของ SIRIVANNAVARI มาก่อน ไม่ว่าจะเป็น สำนักข่าวอิศรา ที่ขึ้นชื่อว่าเป็น “นักเจาะ” ข้อมูลงบการเงิน ผู้ถือหุ้น หรือเพจด้านการลงทุนต่างๆ (เช่น ลงทุนแมน ฯลฯ) ที่ปกติมักจะนำเสนอข้อมูลผลการดำเนินงานของกิจการเอกชนเจ้าดังในไทย ก็ไม่เคยมีการนำเสนอข้อมูลของกิจการนี้ ทั้งๆที่เมื่อทราบชื่อบริษัทแล้วทุกคนก็สามารถเข้าถึงข้อมูลทางธุรกิจเบื้องต้นซึ่งเป็นข้อมูลสาธารณะได้ไม่ยาก
จากสรุปงบการเงิน ในส่วนงบกำไรขาดทุนของบริษัท พบว่าบริษัทน่าจะเปลี่ยนจากธุรกิจที่จอดรถที่ได้ระบุไว้ตอนก่อตั้งบริษัท เป็นธุรกิจ จำหน่ายเสื้อผ้า สินค้าแฟชั่น อย่างเต็มตัวตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นมา ในด้านรายได้พบว่าตั้งแต่ปี 62 รายได้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากประมาณ 30 ล้านบาทใน ปี62 เป็นประมาณ 40 ล้านบาทในปี 64 ส่วนความสามารถในการทำกำไรนั้น แม้บริษัทจะมีกำไรไม่มากแต่ก็มีกำไรสุทธิได้ทุกปี โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ประมาณ 30–35% และ อัตรากำไรสุทธิอยู่ประมาณ 1–1.5% สม่ำเสมอมาตลอด
ในงบแสดงฐานะทางการเงิน ด้านสินทรัพย์ก็เช่นกัน พบว่าบริษัทมีการลงทุนในสินทรัพย์อย่างมีนัยสำคัญในปี 2562 ทำให้มีมูลค่า ที่ดิน อาคารฯ เป็น 13.8 ล้านบาท จากเดิมที่แทบไม่มีสินทรัพย์ถาวร ซึ่งน่าจะเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่บริษัทเปลี่ยนมาทำธุรกิจจำหน่ายเสื้อผ้า สินค้าแฟชั่นเต็มตัว ซึ่งในปี 2562 ร้าน SIRIVANNAVARI มีการเปิดสาขาหลัก ที่ห้างสยามพารากอน
ในด้านแหล่งเงินทุนของบริษัท พบว่าบริษัทมีแหล่งทุนหลักมาจาก หนี้สินหมุนเวียน โดยในปี 62 ซึ่งเป็น “ปีเปลี่ยนผ่าน” บริษัทมีหนี้สินหมุนเวียนเพิ่มขึ้นกว่า 4 เท่าจาก 10.7 ล้าน เป็น 44.8 ล้าน แต่ไม่ได้มีการเพิ่มทุนจดทะเบียนจากผู้ถือหุ้นแต่อย่างใด น่าเสียดายว่าเนื่องจากเป็นข้อมูลจากสรุปงบการเงินจึงไม่มีรายละเอียดว่า หนี้สินหมุนเวียน ดังกล่าวนั้นมาจากแหล่งไหนบ้าง แต่ผู้ที่สนใจใคร่รู้สามารถไปขอดาวโหลดงบการเงินฉบับเต็มได้จากเว็บกรมพัฒนาธุรกิจการค้า https://ecert.dbd.go.th/e-service/index.xhtml (บริการขอหนังสือรับรองนิติบุคคลฯผ่านเว็บไซท์ ผู้ใช้บริการ ต้องลงทะเบียนด้วยชื่อ เลขบัตรประชาชน และเสียค่าบริการ 200 บาท)
ในด้านข้อมูลนิติบุคคล ที่ลงทะเบียนไว้กับ กระทรวงพาณิชย์ พบว่าบริษัท ไอริส 2005 ก่อตั้งเมื่อปี 2560 ทุนจดทะเบียน 2 ล้านบาท เดิมจดทะเบียนเพื่อทำกิจการที่จอดรถ แต่ปัจจุบันเปลี่ยนมาทำธุรกิจจำหน่ายเสื้อผ้า สินค้าแฟชั่น โดยบริษัทมีกรรมการ 6 คนประกอบด้วย
- สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา
- หม่อมหลวง ทรงลักษณ์ สวัสดิวัตน์
- นางสาว รติรส ภู่วิภาดาวรรธน์
- นางสาว พัชรินรุจา จันทโรนานนท์
- นาย กิติภัค เกษรสิริธร
- นาง ธันย์ชนก ฟักอุดม
โดยในแวดวงสังคมชนชั้นสูงไทยทราบกันดีว่า กรรมการทั้งหมดเป็นเพื่อนสนิทเรียนด้วยกันมาตั้งแต่สมัยอยู่โรงเรียนจิตรลดา บ่อยครั้งที่เห็นข่าวเพื่อนๆกลุ่มนี้ รับหน้าที่เป็น “ตัวแทนพระองค์” ไปปฏิบัติภารกิจภารกิจแทนองค์หญิง แต่ก็น่าสนใจว่าบริษัทกำหนดให้ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ เพียงผู้เดียวก็มีอำนาจลงชื่อผูกพันบริษัท นั่นทำให้แม้จะไม่มีข้อมูลรายชื่อผู้ถือหุ้น แต่โดย “เนื้อหา” สามารถสันนิษฐานได้ว่าบริษัทนี้เป็นขององค์หญิง เพราะองค์หญิงมีอำนาจควบคุมบริษัทได้แต่เพียงผู้เดียว ยกเว้นกรณี “เอกสารยื่นต่อส่วนราชการเพื่อกิจการสำคัญของบริษัท” บริษัทกำหนดว่าอาจจะให้ มล.ทรงลักษณ์ กับ นส.รติรส ซึ่งมีตำแหน่งเป็นผู้บริหารหลักของบริษัทลงชื่อร่วมกันก็ได้
ในรายชื่อกรรมการบริษัทไอริส 2005 พบว่ามีอีก 1 คนที่สังคมน่าจะสนใจได้แก่ลำดับที่ 4 นางสาว พัชรินรุจา จันทโรนานนท์ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านจีน โดยจบ ป.เอก จาก ม.ปักกิ่ง เป็นอาจารย์ที่นิด้าจนถึงปี 2564 หลังจากนั้นก็ได้ผันตัวไปทำงานการเมืองเต็มตัว โดยได้รับการแต่งตั้งเป็น ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษาฯ (เอนก เหล่าธรรมทัศน์) และในปี 2565 ได้รับเลิกให้เป็นเลขาธิการพรรค “รวมพลัง” พรรคการเมืองชื่อนี้หลายคนอาจไม่รู้จัก แต่ถ้าบอกว่าชื่อเดิมคือ “รวมพลังประชาชาติไทย” ซึ่งมี “เทพเทือก” เป็นมาสคอตประจำพรรค ก็น่าจะรู้จักกันดี นอกจากจะเปลี่ยนชื่อพรรคแล้ว ยังมีการเปลี่ยนโลโก้จากที่คล้ายๆ “หมูกะทะ” เป็น “พญานาค” อีกด้วย
พออ่านจบแล้วหลายคนอาจมีคำถามว่าถ้าร้าน SIRIVANNAVARI เปิดมาสิบกว่าปีแล้ว ถ้าบริษัท ไอริส 2005 พึ่งมาทำร้าน SIRIVANNAVARI ในปี 62 แล้วก่อนหน้านั้นบริษัทไหนเป็นคนทำ? อันนี้ก็จนปัญญา คงต้องให้ลองโทรไปสอบถามข้อมูลกับทาง SIRIVANNAVARI ดูเอง แต่คุ้นๆว่าสมัยก่อนเคยหาข้อมูลพบว่า เบอร์โทรของร้านเป็นเบอร์เดียวกับร้าน ASAVA ไม่รู้ว่าเพราะอะไร